No Miracles : Number 1 Gallery

“No Miracles”, the solo exhibition of Wutigorn Kongka at Number1Gallery. The artist who expresses his story through aesthetically line patterns and remarkable colors with an individual identity. From a fascination in Art, Ancient Greek Roman sculpture to Renaissance, ancient traditional decoration such as stained glass of Mosaic including modern paintings since early 20th century for instance art group cubism, both early and late period of abstract to expressionism, realism and Pop Art. These has motivated artist to be able to create a new world in his own ideal.

There was once someone said “A gift is an order from god that has given to artists”. Michelangelo or Donatello even Rodin might be an avatar of god that received a particular command from the highest to make a peculiar human shape where there was no one had ever made it before during their period of time. On the other hand, a certain story that had added from religious beliefs. Every religion both of western and eastern sides of this world are typically reflected through an assumption which alike an icon of the tales or ancient myths. In addition, they were originated from spirit mediums and embodied with spectacular narratives. They were made to remain and enhance human’s beliefs to become more real in the real world. God or idealistic individual from a tale is full of an imagination and created themselves certain forms in order to satisfy a transaction of the creed which related to politics. In fact, human in each era desires to have power to control their people and to be acceptable to the world.

This exhibition, artist tried to remake a new relation from a history and connect with an inner soul during a modern time. It gradually became an attempt that urged him to bring those spirit mediums from immortal masters and appear their embodiments in another forms by appropriated an original from a familiarly general work. Artist wanted to produce them in identical perspectives in order to have a new aspect in paintings and combined with all mediums as a representative of artist himself, including faces and figures where they were discovered from his personal imaginations in a purpose of new connection without wanting them to believe and faith in sanctity as a messenger of god of the world that had given to those masters and their sacred works. Yet, artist himself would like to make holiness in his own way and question that “The boundary of combined sanctitude with certain supernatural myths, even aura or an individual peculiar power of a graceful artist that was built up repeatedly or delineating a message from historians which had been inscribed on the media would be able to merge with a creation that artist had recreated or not? What direction it can be progressing with a creating method, aesthetic of elementary paintings rules along with the possibility of the realest identity of artist?”

“No Miracles” นิทรรศการเดี่ยวอีกครั้งของศิลปิน วุฒิกร คงคา กับนัมเบอร์วันแกลอรี่ ศิลปินผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านลายเส้นและสีสันอันโดดเด่นและยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากความหลงใหลในงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นงานประติมากรรมยุคกรีกโรมันจนมาถึงเรอนาซองส์ งานตกแต่งประดับประดาสมัยโบราณอย่าง Stained glass หรือ Mosaic ตลอดจนงานจิตรกรรมสมัยใหม่ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ทั้งงานกลุ่ม Cubism, งาน Abstract ในยุคแรกและยุคหลัง ตลอดจนงาน Expressionism หรือแม้แต่งานเหมือนจริงและงาน Pop Art หลอมรวมให้ศิลปินพยายามสร้างโลกใหม่ในอุดมคติของตัวเอง

มีคนเคยบอกว่าพรสวรรค์คือคำสั่งจากพระเจ้ามอบให้กับศิลปิน คนอย่าง Michelangelo หรือ Donatello แม้แต่ Rodinอาจเป็นร่างทรงของพระเจ้าที่พวกเขาได้รับการบัญชาจากเบื้องบนให้สร้างรูปทรงมนุษย์สุดมหัศจรรย์อย่างที่ไม่มีใครทำได้มาก่อนในยุคของเขา ในอีกด้านหนึ่ง เรื่องเล่าที่เสริมแต่งจากความเชื่อทางศาสนา ทุกศาสนาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของโลก ล้วนสะท้อนผ่านรูปสมมุติที่คล้ายกับไอคอนจากนิทานหรือคัมภีร์ปรัมปราจากโบราณ ซึ่งมีที่มาของร่างทรงซึ่งถูกประทับด้วยเรื่องเล่าอันสุดมหัศจรรย์ พวกเขาถูกสร้างขึ้นเพื่อสานต่อและเสริมแต่งความเชื่อของผู้คนให้จับต้องได้ในโลกของความเป็นจริง เทพหรือบุคคลในอุดมคติจากเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยจินตนาการจึงก่อรูปลักษณ์เพื่อตอบสนองธุรกรรมทั้งความเชื่อทางศาสนาที่เชื่อมโยงกับการเมืองการปกครองซึ่งผู้คนแต่ละยุคต่างต้องการสร้างความยิ่งใหญ่ในสมัยของตนให้สังคมโลกประจักษ์

นิทรรศการในครั้งนี้ เป็นการพยายามสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่จากประวัติศาสตร์ให้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณภายในของยุคปัจจุบัน กลายเป็นความทะเยอทะยานที่ศิลปินต้องการจะนำร่างทรงจากบรรดามาสเตอร์ที่เป็นอมตะเหล่านั้นมาปรากฏร่างประทับในอีกรูปแบบหนึ่งโดยมีภาพต้นแบบมาจากสื่อสำเร็จรูปซึ่งเป็นภาพที่หลายคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ศิลปินต้องการผลิตซ้ำแง่มุมเดิมๆ เหล่านี้ให้เกิดรูปลักษณ์ใหม่ในทางจิตรกรรมและผสมผสานไปกับร่างทรงซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปินเอง ทั้งใบหน้า ร่างกายที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากจินตนาการส่วนตัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์แบบใหม่ ไม่ได้ต้องการให้เกิดความเชื่อและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะผู้นำสารจากพระเจ้าในแบบที่โลกมอบให้แก่เหล่ามาสเตอร์กับรูปเคารพเหล่านั้น แต่ต้องการสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบของศิลปิน ในการตั้งคำถาม ว่าพรมแดนของความศักดิ์สิทธิ์ที่ผสมผสานกับเรื่องราวอภินิหารหรือแม้แต่ ออร่า หรือพลังปัจเจกศิลปินอันสง่างามที่ถูกเนรมิตซ้ำซ้อนหรือขยายความจากนักประวัติศาสตร์ซึ่งจารึกไว้ผ่านสื่อสำเร็จรูปเหล่านี้จะผสมผสานกับสิ่งที่ศิลปินสร้างขึ้นใหม่ได้หรือไม่ และจะทะยานไปในทิศทางไหนได้อีก ด้วยกระบวนการสร้างและกฏเกณฑ์ทางสุนทรียศาสตร์ของงานจิตรกรรมที่เรียบง่ายและเป็นตัวตนของศิลปินอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะทำได้